^{สะเดาน้ำปลาหวานกับปลาทู สูตรสินธุสมุทร}

<sup>- น้ำตาลปีบ 2 ถ้วย (200 กรัม)
- น้ำมะขามเปียกข้น ๆ 1 ถ้วย (80 กรัม)
**** น้ำปลาแท้ตราแม่ครัว 1 ถ้วย (80 กรัม) ****
- หอมแดงเจียว 1 ถ้วย (50 กรัม)
- กระเทียมเจียว 1 ถ้วย (50 กรัม)
- พริกขี้หนูแห้งหั่นบางๆ ทอดกรอบ 1 ถ้วย (50 กรัม)
- ดอกสะเดาอ่อน 5-10 กำ (500 กรัม)
- ปลาทูทอด
- น้ำมันพืชสำหรับทา 1-2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)</sup>

<sup>วิธีทำน้ำปลาหวาน
1. ผสมน้ำตาล น้ำมะขาม น้ำปลาแท้ตราแม่ครัว เข้าด้วยกัน ตั้งไฟกลางค่อนข้างเคี่ยวจนเหนียวพอเคลือบพายติด ยกลง
2. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยหอมแดง กระเทียม พริกเสิร์ฟพร้อมสะเดา และปลาทูทอด

วิธีทำปลาทูทอด
การทอดปลาทู ควรทอดโดยใช้ไฟร่อนข้างแรง ไม่ต้องใช้น้ำมันมากจนท่วมตัวปลา ควรตั้งกระทะจนน้ำมันร้อน จึงใส่ปลาทูที่สะเด็ดน้ำลงไป ไม่ควรกลับตัวปลาบ่อย จะทำให้ผิวปลาถลอกติดทัพพี ดูไม่สวยงามเลย ควรรอจนกระทั่งข้างที่ลงทอดก่อนเริ่มเหลืองให้หรี่ไฟลง แล้วค่อยกลับทอดอีกข้าง จนเหลืองกรอบความเค็มจากเกลือ ในเนื้อปลาทูนึ่งจะทำให้น้ำมันไม่ค่อยกระเด็น

วิธีการลวกสะเดา
ให้นำดอกสะเดาลวกในน้ำเดือด หรืออาจใช้วิธีต้มลงในน้ำเดือดหรือน้ำข้าวร้อนๆ เพื่อลดความขมลงก็ได้ กรณีที่ดอกสะเดาออกมาก รับประทานไม่ทัน ชาวบ้านจะมีวิธีเก็บสะเดาไว้รับประทานนานๆ (การถนอมอาหาร) โดยการเก็บดอกสะเดามาลวก 1 ครั้ง แล้วนำไปตากแดดจนแห้งสนิท เก็บไว้ในที่สะอาดและโปร่ง เมื่อต้องการจะรับประทานก็นำดอกสะเดาแห้งมาลวกน้ำร้อนอีกครั้งหนึ่งก็จะได้ สะเดาที่มีรสจืด (ไม่ขมหรือขมน้อย) ลักษณะเช่นเดียวกับสะเดาสดทุกประการ</sup>

^{นอกจากนี้ใบสะเดายังมีประโยชน์มากทางยา ดังบทความ:-}

^{“สะเดาน้ำปลาหวาน” เมนูทรงคุณค่าต้านไข้เปลี่ยนฤดู}