วิตามินบี 12 (COBALAMIN)
ร่างกายต้องการ วิตามินบี 12 สำหรับการสังเคราะห์ RNA DNA และการเจริญเติบโตตามปรกติของเม็ดเลือดแดง วิตามินบี 12 มีผลต่อการดูดซึมและการใช้โฟเลทในร่างกาย สามารถละลายได้ในน้ำและแอลกอฮอล์ ไม่ทนต่อกรด หรือด่างแก่และแสง อาหารที่มีวิตามิน บี12 ได้แก่ ตับ ไต เนื้อ เนื้อหมู ปลาเค็ม ปลาหมึก น้ำปลา เนื้อแกะ ปลาเนื้อขาว หอย ไข่ นม เนย เนยแข็ง โยเกิร์ต รำข้าว ข้าวซ้อมมือ ถั่ว เมล็ดแห้ง ถั่วหมัก (ถั่วเน่า) เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว และผักใบสีเขียวแก่ แต่มีมากใน ไต กล้าม เนื้อสัตว์ ปลา และอาหารพวกนม เนย และเป็นที่น่าสังเกตว่า วิตามินชนิดนี้จะพบในสัตว์มากกว่าในพืช วิตามิน บี12เป็นโคเอนไซม์ช่วยในการเร่งปฎิกิริยาการสังเคราะห์ DNA (Deoxyribonycleic Acid) , วิตามินบี 12 มีความเกี่ยวพันธ์ในการทำงานใกล้ชิดกับกรดอะมิโน กรดแพนโทเธ็นทิคและวิตามิน ซี มีความจำเป็นสำหรับสร้างเม็ดโลหิตแดง ,เป็นสิ่งจำเป็นในการเมแทบอลิซึมของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต , ช่วยทำให้เหล็กทำงานได้ดีขึ้นในร่างกาย , ช่วยการสังเคราะห์เมไทโอนีน และโคลีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการที่ช่วยป้องกันการสะสมไขมันในตับ (Lipotropic Factors)ช่วยในการนำวิตามิน เอ ไปไว้ที่ตามเนื้อหนังของร่างกาย ,ช่วยให้มีความกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่า, มีหน้าที่เผาผลาญกรดไขมัน ซึ่งช่วยในการรักษาสภาพของแผ่นพังผืด ที่เป็นชั้นห่อเส้นประสาท (Myelin Sheet) , ทำหน้าที่เก็บพลังงานในกล้ามเนื้อ,ทำหน้าที่ละลายพิษของสารไซยาไนด์ (Cyanide) เป็นยาพิษอย่างแรง อาจพบในอาหารและบุหรี่ ถ้าขาดวิตามิน บี12 ทำให้เกิดโรคโลหิตจางชนิดร้ายแรงสาเหตุส่วนใหญ่จะเนื่องมาจากการที่ร่างกาย ไม่สามารถดูดวิตามินได้ , ปัจจัยทางพันธุกรรม ซึ่งมีผลต่อการขนส่งและการดูดซึมวิตามิน , บุคคลที่รับประทานอาหารมังสวิรัตที่เคร่งครัด , การตัดกระเพาะอาหารบางส่วนออก การเป็นโรคท้องเสียเรื้อรัง หรือเซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหาร และลำไส้เสื่อม ทำให้มีการดูดซึมผิดปกติได้ ถ้าได้รับวิตามิน บี12 มากจะกระตุ้นการสลายตัวของกรดนิวคลีอิก ทำให้กรดยูริกเพิ่มขึ้น จึงควรระวังในผู้ป่วยโรค gout
ข้อมูลทั่วไป
o วิตามินบี 12 เป็น Coenzyme ที่จำเป็นสำหรับ Intermediary Metabolism และร่างกายต้องการ วิตามินบี 12 สำหรับการสังเคราะห์ RNA DNA และการเจริญเติบโตตามปรกติของเม็ดเลือดแดง วิตามินบี 12 มีผลต่อการดูดซึมและการใช้โฟเลทในร่างกาย
o วิตามินบี 12 หรือ Cobalamin เป็น Coenzyme ที่จำเป็นสำหรับ Enzyme 2 ชนิด คือ Methionine Synthase และ L-Methylamlonyl Coamutase Methionine Synthase ทำหน้าที่ Catalyze ปฎิกิริยาการหมุนเวียนของ Hemoeysteine ไปเป็น Methionine โดยใช้ 5-Methyltetrahydrofolate เป็น Coenzyme วิตามินบี 12 ที่มาจากสัตว์ จะอยู่ในรูปแบบที่รวมอยู่กับโปรตีนจะถูกสลายในกระเพาะอาหาร โดยกรดเกลือและ Pepsin เพราะฉะนั้นภาวะแวดล้อมในกระเพาะอาหารจะมีความสำคัญกับการดูดซึม วิตามินบี 12 โดยจะไม่มีการเก็บวิตามินไว้ในเซลล์
o คุณสมบัติ
+ เป็น ผลึกสีแดงเข้ม ละลายได้ในน้ำและแอลกอฮอล์ ไม่ทนต่อกรด หรือด่างแก่และแสงโดยมีสูตรโครงสร้างสลับซับซ้อนคล้ายเฮโมโกบิน แต่ต่างกันตรงที่ วิตามินบี 12 มีโคบอลท์อยู่ 1 อะตอม แต่เฮโมโกบิลมีเหล็กอยู่ วิตามินนี้ต่างจาก วิตามิน บี ตัวอื่นคือ พืชไม่สามารถสังเคราะห์ได้ วิตามินบี 12 ที่มีอยู่ในร่างกายมีหลายแบบ ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่า โคบาลามิน แต่แบบที่มีฤทธิ์มากจะเป็นผลึกสีแดงเข้มเรียกว่า ไชยาโนโคบาลามิน (Cyanocobalamin) วิตามินบี 12 ที่มีขายในท้องตลาดและมีฤทธิ์สูงกว่าในทางยา ได้แก่ ไฮดรอกโซโคบาลามิน (Hydroxocobalamin)
o ประวัติ
+ ค. ศ. 1926 ไมน็อต และ เมอร์ฟี (Minot & Murphy)ได้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดเพอร์นิเชียส (Pernicious Anemia) โดยให้กินตับ
+ ค.ศ. 1929 คาสเซิล (Castle) พบว่าโรคนี้เกิดจากขาดสารที่จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดง ประกอบด้วย เอกซ์ทรินสิก แฟคเตอร์ (Extrinsic Factor) ที่ได้จากอาหาร และ อินทรินสิกแฟคเตอร์ (Intrinsic Factor) ซึ่งมีในกระเพาะอาหาร
+ ค.ศ. 1948 กลุ่มของ ริคเคส สมิธ และ พาร์เคอร์ (Rickes, Smith & Parker) สามารถแยกสารที่มีผลึกสีแดงจากตับ ซึ่งมีผลสามารถแก้ไข โรคโลหิตจางชนิดเพอร์นิเชียส และพบว่าเป็นตัวเดียวกับเอกซ์ทรินสิก แฟคเตอร์ ของ คาสเซิล
+ ค.ศ. 1965 ชาลเมอร์ และ ชินทัน (Chalmers and Shinton) ประสบความสำเร็จในการผลิต วิตามินบี 12 จากแบคทีเรีย ที่ใช้อยุ่ในการผลิตสเตรปโทไมซิน
+ ค.ศ. 1973 วูดเวิร์ด (Woodword) สามารถสังเคราะห์ วิตามินบี 12 ทางเคมีได้สำเร็จ
ประโยชน์ต่อร่างกาย
o ใน ไขกระดูก วิตามินบี 12 จะมีหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ช่วยในการเร่งปฎิกิริยาการสังเคราะห์ DNA (Deoxyribonycleic Acid) เพราะถ้าไม่มีการสังเคราะห์ DNA เซลล์สร้างเม็ดเลือดแดงจะไม่เกิดการแบ่งเซลล์แต่จะขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นเซลล์สร้างเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่ (Megaloblast) และจะถูกส่งเข้าสู่กระแสโลหิตแทนที่จะเป็นเม็ดเลือดแดงที่ปกติ
o วิตามินบี 12 มีความเกี่ยวพันในการทำงานใกล้ชิดกับกรดอะมิโน กรดแพนโท เธ็นทิคและวิตามิน ซี มีความจำเป็นสำหรับสร้างเม็ดโลหิตแดง
o เป็นสิ่งจำเป็นในการเมแทบอลิซัมของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต
o ช่วยทำให้เหล็กทำงานได้ดีขึ้นในร่างกาย
o ช่วยการสังเคราะห์เมไทโอนีน และโคลีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการที่ช่วยป้องกันการสะสมไขมันในตับ (Lipotropic Factors)
o มี ฤทธิ์กระตุ้นการเจริญเติบโตในเด็ก Underdeveloped และ Undernourished เด็กพวกนี้มักขาด วิตามินบี 12 และวิตามินอย่างอื่นด้วย เมื่อให้ วิตามินบี 12 จะเพิ่มความอยากอาหาร กินอาหารได้มากขึ้น แต่ในเด็กที่เจริญเติบโตเป็นปกติไม่ขาดวิตามินนี้ การให้ วิตามินบี 12 จะไม่มีผล
o ช่วยในการนำวิตามิน เอ ไปไว้ที่ตามเนื้อหนังของร่างกาย โดยการช่วยการดูดซึมแคโรทีน และการเปลี่ยนแคโรทีนเป็นวิตามิน เอ
o ช่วยให้มีความกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่า
o มีหน้าที่เผาผลาญกรดไขมัน ซึ่งช่วยในการรักษาสภาพของแผ่นพังผืด ที่เป็นชั้นห่อเส้นประสาท (Myelin Sheet)
o ทำหน้าที่เก็บพลังงานในกล้ามเนื้อ
o ทำหน้าที่ละลายพิษของสารไซยาไนด์ (Cyanide) เป็นยาพิษอย่างแรง อาจพบในอาหารและบุหรี่
แหล่งที่พบ
o ตับ ไต เนื้อ เนื้อหมู ปลาเค็ม ปลาหมึก น้ำปลา เนื้อแกะ ปลาเนื้อขาว หอย ไข่ นม เนย เนยแข็ง โยเกิร์ต รำข้าว ข้าวซ้อมมือ ถั่ว เมล็ดแห้ง ถั่วหมัก (ถั่วเน่า) เต้าเจี๊ยว ซีอิ๊ว และผักใบสีเขียวแก่ แต่มีมากใน ไต กล้าม เนื้อสัตว์ ปลา และอาหารพวกนม เนย และเป็นที่น่าสังเกตว่า วิตามินชนิดนี้จะพบในสัตว์มากกว่าในพืช
ปริมาณที่แนะนำ
o คน ปกติจะมี วิตามินบี 12 ทั้งหมดทั้วร่างกายประมาณ 5000 ไมโครกรัม ฉะนั้น วิตามินบี 12 จึงเป็นวิตามินชนิดเดียวที่ร่างกายสามารถเก็บไว้ได้เป็นจำนวนมาก โดยเก็บไว้ที่ตับมากที่สุด คือ ประมาณ 1,700 ไมโครกรัม
ทารก
3 - 8 เดือน 0.4 ไมโครกรัมต่อวัน
9 - 11 เดือน 0.5 ไมโครกรัมต่อวัน
เด็ก
1 - 3 ปี 0.7 ไมโครกรัมต่อวัน
4 - 6 ปี 1.0 ไมโครกรัมต่อวัน
7 - 9 ปี 1.3 ไมโครกรัมต่อวัน
ผู้ที่อายุ 10 ปีขึ้นไป 2.0 ไมโครกรัมต่อวัน
หญิงตั้งครรภ์ +5.0 ไมโครกรัมต่อวัน
หญิงให้นมบุตร +5.0 ไมโครกรัมต่อวัน
ผลของการขาด
o อาการที่บ่งบอกว่าขาดวิตามิน บี12 เกิด โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรงที่เรียกว่า เพอร์นิเซียส แอนนีเมีย เนื่องจากการขาดปัจจัยภายในน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร ทำให้มีการอ่อนเพลียเบื่ออาหาร เหนื่อยง่ายความจำเสื่อม อารมณ์เปลี่ยนแปลงทำให้ทำสมาธิได้ยาก มีอาการมึนงง เดินไม่ถนัดเจ็บจี๊ด ๆ ตามผิวหนัง และเสียความสมดุลของร่างกาย
อาการที่ไม่พึงปรารถนาของวิตามินชนิดนี้ ถ้าใช้รับประทานจะไม่ค่อยปรากฎ นอกจากใช้ฉีด จะมีอาการแพ้บ้างแต่น้อยราย
o การ ขาด วิตามินบี 12 เป็นเหตุให้ไขกระดูกไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงให้เจริญเต็มที่ได้ เม็ดเลือดแดงนี้จึงไม่ถูกแบ่งตัว จะมีขนาดใหญ่เรียกว่า เมกกะโลบลาสท์ (Megaloblast) และจะถูกปล่อยเข้ามาสู่กระแสโลหิตจึงทำให้ความสามารถในการนำ เฮโมโกบิน ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ลดลง ทำให้เกิดโรคโลหิตจางชนิดเพอร์นิเชียสซึ่งมีอาการคือผิวหนังมีสีเหลืองอ่อน ๆ คลื่นไส้ หายใจขัดข้อง ท้องอืด น้ำหนักลด ลิ้นอักเสบ มีความผิดปกติของระบบประสาทและเดินไม่ตรง เป็นต้น
o ปัจัยที่ส่งผลให้ขาด วิตามินบี 12
+ สาเหตุ ของการขาดวิตามินส่วนใหญ่จะเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถดูดวิตามินได้ ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากไม่มี binding Protein ที่ปล่อยออกมาจากกระเพาะอาหาร
+ ปัจจัยทางพันธุกรรม ซึ่งมีผลต่อการขนส่งและการดูดซึมวิตามิน
+ บุคคล ที่รับประทานอาหารมังสวิรัตที่เคร่งครัดโดยที่ไม่รับประทานไข่ไม่ดื่มน้ำนม และผลิตภัณฑ์นม และไม่รับประทาน วิตามินเสริมจะทำให้ขาด วิตามินบี 12 ที่ได้รับจากอาหารไม่พอ
+ การตัดกระเพาะอาหารบ้างส่วนออก การเป็นโรคท้องเสียเรื้อรัง หรือเซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหาร และลำไส้เสื่อม ทำให้มีการดูดซึมผิดปกติได้
+ ในผู้สูงอายุจะขาดวิตามินเนื่องจากความผิดปกติของ ระบบน้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำให้การดูดซึมวิตามินจากอาหารเป็นไปได้ไม่ สมบูรณ์เพราะการผลิต Intrinsic factor ลดลง
ผลของการได้รับมากไป
o จะกระตุ้นการสลายตัวของกรดนิวคลีอิก ทำให้กรดยูริกเพิ่มขึ้น จึงควรระวังในผู้ป่วยโรค gout
ข้อมูลอื่นๆ
o การดูดซึม
+ เนื่อง จาก วิตามินบี 12 มีโมเลกุลใหญ่กว่าวิตามินอื่น ดังนั้นจึงมีกลไกในการดูดซึมเป็นพิเศษ โดยเริ่มจากเมื่ออาหารที่มี วิตามินบี 12 เข้ามาที่กระเพาะกรดเกลือจะแยก วิตามินบี 12 ออกมาเป็นรูปอิสระจากอาหารอื่น แล้วไปจับกับอีนทรินสิก แฟคเตอร์ (Intrinsic factor) ซึ่งเป็นมิวโคโปรตีนที่สร้างจากพารีเอทัลเซลล์ (Parietal Cell) ของกระเพาะ การทำงานที่แท้จริงของอินทรินสิกแฟคเตอร์ยังไม่มีใครทราบ แต่เข้าใจกันว่าทำหน้าที่ป้องกัน วิตามินบี 12 ไม่ให้ถูกทำลายในลำไส้ก่อนการดูดซึม อินทรินสิกแฟคเตอร์จะพา วิตามินบี 12 มาที่ลำไส้เล็กตอนปลายและปล่อย วิตามินบี 12 เข้าผนังลำไส้เล็ก เพื่อเข้าสู้กระแสโลหิต เมื่อเข้าสู่กระแสโลหิต วิตามินบี 12 จะรวมตัวกับโปรตีนขนส่ง ทรานส์โคบาลามิน (Transcobalamin) เพื่อส่ง วิตามินบี 12 ไปยังอวัยวะต่าง ๆ ที่ต้องการ อวัยวะที่มี วิตามินบี 12 มากได้แก่ ตับ ไต หัวใจ สมอง ในร่างกายมีการเก็บสะสม วิตามินบี 12 เล็กน้อย คนปกติในร่างกายมีประมาณ 1-10 มิลลิกรัม ร้อยละ 50-90 อยู่ที่ตับ ถ้าขาดอินทรินสิกแฟคเตอร์ ร่างกายจะดูดซึม วิตามินบี 12 ไม่ได้ นอกจากจะให้ วิตามินบี 12 ในปริมาณมากกว่าที่มีในอาหารปกติแต่ร่างกายจะดูดซึมได้ประมาณร้อยละ 1 เท่านั้น
+ วิตามินบี 12 ถูกขับถ่ายทางน้ำดี ส่วนน้อยทางปัสสาวะ เหงื่อ และทางน้ำนม
o สารหรืออาหารเสริมฤทธิ์
+ วิตามิน บีรวม
+ วิตามิน บี6 ช่วยในการดูดซึมวิตามิน บี12
+ โคลีน
+ กรดโฟลิค
+ วิตามินและเหล็กช่วยให้การดูดซึมของวิตามิน บี12 ดีขึ้น
+ แคลเซียม ในการซึมเข้าร่างกาย วิตามิน บี12 มีความจำเป็นต้องผสมกับแคลเซียม จึงจะมีผลเต็มที่
+ โปตัสเซียม และโซเดียม
o สารหรืออาหารต้านฤทธิ์
+ ยากันชัก (Dilantin)
+ ยาเม็ดรับประทานเพื่อคุมกำเนิด
o การเสื่อมสลาย
+ วิตามินบี 12 มีความคงทนต่อวิธีการปรุงอาหารแบบธรรมดา แต่ถ้าต้มในน้ำด่างจะทำให้วิตามินชนิดนี้สูญหาย หรือหย่อนคุณภาพขึ้นอยู่กับความแรงของด่างนั้น ๆ แต่จะถูกทำลายในแสงสว่างและในกรด
o การประเมิน
+ วิตามินบี 12 สามารถหาโดยวิธีทาง Microbiologic assay โดยการใช้ Lactobacillus leichmannii หรือใช้ Competitive protein-binding radioassay ที่ Specific for cobalamin ค่าปกติของ วิตามินบี 12 ในซีรัม 110-800 pg/mL ประเมินโดยการวัดความเข้ม ข้นของ Cobalamin ในซีรัม ซึ่งเป็นการวินิจฉัยในอันดับแรก เป็นวิธีการใช้คัดเลือกบุคคลที่ขาด วิตามินบี 12 ได้ดีที่สุด การกำหนดค่า Nomal range ตามปรกติจะใช้ค่า 2 sd สำหรับกลุ่มคนที่มีสุขภาพดี ค่าปรกติของ วิตามินบี 12 ในซีรัม จะอยู่ระหว่าง 200-900 pg /มิลลิลิตร และค่าปรกติของโฟเลทจะอยู่ระหว่าง 2.5-10 ng/มิลลิลิตร
เมื่อตรวจพบระดับ วิตามินบี 12 ในซีรัมที่มีค่าต่ำกว่า 300 pg / มิลลิลิตรหรือมีระดับ Folate ในซีรัมต่ำกว่า 5 ng / มิลลิลิตรอาจจะขาดวิตามินบีสิบสองหรือโฟเลท ควรจะได้ทำการประเมินในขั้นต่อไปให้แน่นอน เพื่อที่จะแยกออกว่ามีการขาด วิตามินบี 12 หรือโฟเลทอย่างหนึ่งอย่างใดหรือขาดทั้งสองอย่าง การประเมินว่าบุคคลใดขาด วิตามินบี 12 หรือโฟเลทให้ถูกต้อง จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการติดตามรักษาด้วยยาหรือรังสีเพราะถ้า วินิจฉัยไม่ถูกต้องเสียตั้งแต่ครั้งแรกแล้วอาจจะทำให้เป็นอันตรายต่อบุคคล นั้น ๆ ได้ในบางครั้งอาจถึงขั้นแก่ชีวิตได้ การขาด วิตามินบี 12 มีความสำคัญมากเพราะนอกจากจะทำให้เกิด Pernicious anemia แล้วยังเป็นสาเหตุของความผิดปกติของโรคทางจิตประสาทอื่น ๆ ด้วย ซึ่งสามารถจะป้องกันได้ถ้าได้รับการวินิจฉัยเสียแล้วแต่เนิน ๆ ถึงสาเหตุของโรค
+ วัดปริมาณ Methylmalonic acid และ Homocystelne ในซีรัม ในการตรวจปริมาณวิตามินในซีรัม อาจจะมีบุคคลหลาย ๆ คน ที่มีอาการของการขาด วิตามินบี 12 และโฟเลทที่แสดงอาการให้เห็นทางคลินิก แต่ระดับ วิตามินบี 12 และโฟเลทในซีรัมไม่ต่ำวิตามินทั้ง 2 ชนิดนี้ทำหน้าที่ในเซลล์ไม่ใช่ในพลาสมาได้รับอิทธิพลมาจากระดับ Bindingprotein ในพลาสมา ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับระดับ วิตามินบี 12 ในเซลล์ การทดลองที่ควรจะใช้ทดสอบในขั้นตอนต่อไปคือใช้การทดสอบเพื่อที่จะวินิจฉัย และแยกความแตกต่างระหว่างการขาด วิตามินบี 12 และโฟเลท โดยตรวจระดับ Methylmalonic acid (MMA) และ Homocysteine (HCYS) ในพลาสมาหรือซีรัม
ค่าปกติ
Methylmalonic acid ในซีรัม 70-270 nM/L
Homocystelne ในซีรัม 5-16 micro M/L
วิตามินบี 12 (5-Deoxyadenocylcobalamin) เป็น Essential Cofactor ของ Enzyme ที่จะเปลี่ยน Methylmalonyl Coa ไปเป็น Succinyl Coaเมื่อขาด วิตามินบี 12 Methylmalonyl Coa เปลี่ยนไปเป็น Succinyl Coa ไม่ได้ จะ Hydrolyze เป็น Methylmalonic acid (MMA) เพิ่มระดับขึ้นในซีรัม ในทำนองเดียวกัน Enzyme Methionine Synthase ต้องการ Folate สำหรับปฎิกิริยาการเติม Methyl Group ให้กับ Homocysteine กลายเป็น Methionine โดยใช้ Enzyme Methionine Synthase และมี วิตามินบี 12 (Methylcobalamin) เป็น Cofactor เมื่อมีการขาดโฟเลทและ วิตามินบี 12 จะมีการสะสม Homocysteine ในซีรัมทำให้มีระดับสูงขึ้น ปริมาณ MMA ในซีรัมจะสูงขึ้นถึง 95% ในคนที่ขาด วิตามินบี 12 และมีอาการทางคลินิก และจะไม่สูงในรายที่ขาดโฟเลท ส่วนปริมาณ Homocysteine ในซีรัมจะสูงขึ้นในคนที่ขาด วิตามินบี 12 และโฟเลทยกเว้นในรายที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม ระดับ MMA และ Homocysteine ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการขาด วิตามินบี 12 และจะไม่ตอบสนองต่อการให้โฟเลท การเพิ่มระดับ Homocysteineในซีรัมที่เนื่องมาจากการขาดโฟเลทก็จะไม่ตอบสนองต่อการให้ วิตามินบี 12 จากการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่าการที่มีระดับ Homocysteine สูงในเลือด (Hyperhomocysteinemia) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิด ของโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจและโรคที่ เกี่ยวกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง วิตามินบี 12 โฟเลท และวิตามิน บีหก เป็นวิตามินที่มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มหรือลดระดับ Homocysteine ในเลือด
+ วิธีการทางห้องปฎิบัติการที่ใช้ตรวจสอบระดับ วิตามินบี 12 ในซีรัม ในปัจจุบันนี้จะใช้วิธีเดียวกับวิธีการตรวจสอบระดับโฟเลท คือวิธี Quantitative radioassay method with a purified intrinsic factor and a purified folate - binding protein ซึ่งน้ำยาจะมีขายเป็นชุดสำเร็จรูป (Commercial Assay Kit)
+ การวิเคราะห์ วิตามินบี 12 และโฟเลททำได้ในหลอดเดียวกันเพราะส่วนประกอบที่ใช้ในการวิเคราะห์เป็นสารที่ ให้รังสีที่แตกต่างกันแยกออกจากกันได้ชัดเจนคือ ในการตรวจ วิตามินบี 12 ใช้ Cobalamin ที่ติดสลากด้วย Cobalt - 57 และในการตรวจโฟเลทใช้ Lodine ที่ติดสลากด้วย Lodine - 125 วิธีการที่นิยมใช้เป็นวิธี Solid phase no boil dual count ในหลักการเป็นวิธีการแข่งขันกันระหว่าง วิตามินบี 12 อิสระและ วิตามินบี 12 ที่ติดสลากด้วย Co - 57 ในการจับกับ Intrinsic factor (IF) โดยการเติมวิตามินบีสิบสองที่ติดสลากด้วย Co -57 ที่ทราบจำนวนลงไปในตัวอย่างซีรัมพร้อมกับการเติม Intrinsic factor ทั้ง วิตามินบี 12 ที่เป็นอิสระและที่ติดสลากด้วย Co - 57 จะแย่งกันจับ IF หลังจากนั้น จะนำไปตกตะกอนเอาเฉพาะส่วนที่เป็น Solution ที่ประกอบด้วย วิตามินบี 12 ที่จับกับ IF ไปวัดปริมาณ โดยการวัดกัมมันตภาพรังสีที่ได้มาจาก Co - 57 โดยใช้เครื่องมือ Gramma- Counter
+ เมือทำการเปรียบเทียบกับค่า มาตรฐานแล้ว จะสามารถคำนวณกลับเป็นปริมาณวิตามินบีสิบสองในซีรัมได้ ส่วนหลักการในการวิเคราะห์ ปริมาณโฟเลทก็เหมือนกัน เพียงแต่เปลี่ยนเป็นวิธีการใช้โฟเลทที่ติดสลากด้วย Lodine - 125 และใช้ Folate binding protein แทน Intrinsic factor
ที่มาของข้อมูล
ศูนย์สุขภาพและโภชนาการไทย
http://www.nutritionthailand.com/